Tuesday, June 16, 2009

โลกใบใหม่

ไม่ได้มาเชิญชวนอนุรักษ์โลกอะไรหรอก

แค่อยู่ๆ ก็นึกทึ่งโลกปัจจุบันขึ้นมาเฉยๆ...ใครจะคาดคิดว่ามนุษย์ทำตามความฝันของตนเองได้มากขึ้นเรื่อยๆ...



ช่วงนี้เราออนเอ็ม เปิดเว็บแคมบ่อยๆ

พูดถึง MSN ทุกคนคงเฉยๆ เพราะชิน...แชทกับคนได้ทั่วทุกมุมโลก (ถ้ามุมนั้นของโลกมีสัญญาณอินเตอร์เนต)

เราแชทออนเอ็มกันเป็นว่าเล่นในแต่ละวัน ทั้งคุยกับเพื่อนข้างๆ (ในห้องคอมฯ) เพื่อนฝูงที่อยู่แยกย้ายกระจัดกระจายกันไปทั่วจังหวัด ทั่วประเทศ รวมถึงไกลออกไปในอีกหลายๆ ประเทศ

มันกลายเป็นเรื่องธรรมดาๆ



เราก็เห็นมันเป็นเรื่องธรรมดามาตั้งน้าน...นาน แล้ว จนวันหนึ่งที่นัดเวลาคุยเอ็มกับเพื่อนจากอีกมุมโลก ที่กว่าจะหาเวลาให้พอเหมาะกันก็ลำบาก

คนที่ไม่รู้ว่าชีวิตนี้จะได้เจอกันอีกหรือเปล่า

ก็เลยทำให้การออนเอ็มของเรามันต่างออกไปจากทุกครั้ง ทุกครั้งที่่คุยเอ็มกับพี่แพรวที่แคนาดา คุยกับนุ้กกี้ที่อเมริกา คุยกับ เรมี หรือ เซลีน ที่ฝรั่งเศส คุยกับอูริก้าที่เยอรมัน คุยกับยุ้ยหรือพี่เหยินที่ออสเตรเลีย

เราก็ไม่เคยคิดอะไรมาก ก็คุยก็คุย...คิดไร



ทีนี้ ด้วยความที่กับเพื่อนคนนี้ (ก็ กีย์ นั่นแหละ ถ้ายังจำได้จากบล็อกที่แล้ว ฮ่าๆ)ไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกมั้ย ทำให้เวลาเราคำนวณจำนวนชั่วโมง กะให้พอดีกัน ก็พลอยครุ่นคิดไปด้วยว่า ตอนนี้เค้ากำลังทำอะไรอยู่ เวลาออนเจอกันก็ถามไถ่กันว่าเป็นยังไง กี่โมงแล้ว หรือบางทีก็แลกเปลี่ยนกันดูสถานที่ของตนเอง ว่าใครอยู๋่ยังไง บ้านเมืองหน้าตาเป็นยังไง เราก็ได้เห็นบรรยากาศที่บราซิล (นอกหน้าต่างห้องเค้า) ส่วนเค้าก็ได้เห็นห้องรกๆ (ของเรา) ที่กรุงเทพ

ได้ "เห็น" ว่าคนๆ นี้ที่อีกทวีปเค้ากำลังทำอะไรอยู่....เห็นกันไปเลย คุยกันก็ได้ ทั้งพิมพ์ ทั้งเสียง

สนุกดีนะ

ยิ่งถ้าเล่น สไกป์ยิ่งสนุก เพราะชัดทั้งภาพ ชัดทั้งเสียง ชัดยิ่งกว่าเว็บแคมในเอ็มไม่รู้กี่เท่า...เราเล่นสไกป์กับเพื่อนอีกคน...อีกทวีป รู้สึกเหมือนคุยกันอยู่ต่อหน้า ทั้งหน้าตา ท่าทาง น้ำเสียง รับรู้ได้หมด

มนุษย์ทำได้...สร้างเทคโนโลยีตามความฝันของมนุษย์...ทำเรื่องที่เป็นเหมือน "เวทย์มนต์" ในสมัยก่อน ให้กลายเป็น "เรื่องจริง" ที่แสนจะธรรมดาได้

เราลองนึกถึงสมัยก่อน หรือตามนิทาน อย่างสโนว์ไวท์ ที่แม่มดมองลงไปในบ่อน้ำ หรืออ่างกวนยา หรืออะไรสักอย่าง (คนละตอนกับกระจกวิเศษนะ เดี๋ยวจะหาว่าเพลินมั่ว) จากนั้นก็เริ่มร่ายเวทย์ แล้วก็มองเห็นว่าสโนว์ไวท์ทำอะไรอยู่ พูดอะไรอยู่กับใคร

หรือสมัยที่ยังไม่มีอุปกรณ์ไฮเทคแบบนี้...สมมติคนนึงจากมาต่างแดน แทบจะต้องตั้งตารอ นับวันนับคืนรอจดหมาย รูปถ่าย...รูปซักใบนี่เก็บกันจนแทบตายเพราะมีค่าเหลือเกิน


ลายมือก็จดจำกันเสียจนขึ้นใจ เรียกว่าหลับตาก็ปรากฏอยู่ในห้วงคำนึง

ระยะเวลายังอีกแสนยาวไกลกว่าจะได้พบเจอกัน

ผ่านมาถึงสมัยที่โทรศัพท์ได้ (คิดดูว่า อยู่ๆ มนุษย์ก็ทำให้เราได้ยินเสียงของคนที่อยู่ห่างไกลกันได้) ก็เริ่มมหัศจรรย์ขึ้นอีก...จากที่ต้องรออีกนานแสนนานกว่าจะได้ยินเสียง



จนมาถึงตอนนี้...อะไรที่เคยเป็นอุปสรรคของมนุษย์ ที่มนุษย์ใฝ่ฝันเหลือเกินที่จะเอาชนะให้ได้ มนุษย์ก็ได้ทำไปแล้วมากมายหลายอย่าง


แต่นั่นก็หมายถึงว่า...ขีดความอดทนเราก็ลดน้อยลงไปด้วย...



เราแทบไม่ต้องลิ้มรสชาติของความพากเพียร อดทน เฝ้ารอ...เอาความห่างไกล เอาเวลา มาพิสูจน์ มาวัดใจกันให้รู้ดำรู้แดง



ข้องใจอะไรก็ส่งอีเมลล์พรืดเดียว...เร็วกว่านั้นก็ทิ้งเมสเสจออฟไลน์ไว้ในเอ็มเอสเอ็น...



อยากอัพเดตอะไรให้ใครเห็น อยาก Sneak aroundใครก็แค่คลิกเข้าไปดู Face bookหรือhi5 จะโพสต์หรือคอมเมนท์อะไรตามใจชอบก็ทำได้ทันท่วงทีตามความต้องการ



ก็ลองตัดมือถือ คอมพิวเตอร์ อินเตอร์เนตออกไปจากชีวิตสิ แล้วต้องห่างกับใครสักคนนานๆ ไกลๆ แล้วรออีกเป็นปีๆ ให้ใครคนนั้นกลับมา


ติดต่อกันได้เพียงจดหมาย...เขียน เขียน เขียน อ่าน อ่าน อ่าน รอ รอ รอ


เดี๋ยวนี้พวกเราคงลงแดงตายไปก่อน...หรือว่า เลิกล้มความตั้งใจที่จะ...รอคอย



แต่ Onceที่การรอคอยอันยาวนานจบลง...ความปลื้มปีติมันก็คงคุ้มค่ามากมาย



เดี๋ยวนี้เราไม่ต้องรอแล้ว


จะว่าดีมันก็ดี...ไม่ใช่ว่ามันไม่ดี


เพราะเราเอง...ก็ตกเป็นเหยื่อ (จะเหยื่อหรือทาสก็ความหมายไม่ดีทั้งคู่) ความสะดวกสบายใจโลกใบใหม่ใบนี้มิใช่น้อย



ตอนนี้อยู่มุมไหนของโลกก็คุยกันได้ เห็นหน้ากันได้ (บอกแล้วว่าถ้ามีสัญญาณ) เรียกว่าโลกทั้งใบถูกย่อให้เหลือเล็กนิดเดียวจริงๆ...



ทุกวันนี้ หน้าก็เห็นแล้ว เสียงก็ได้ยิน คุยก็คุยกันได้...ถ้าจะยังหลงเหลืออะไรที่มนุษย์ยังไม่ได้ทำเพื่อย่อโลกให้เล็กลง...สิ่งนั้นก็คือ...




...เอื้อมมือผ่านจอเข้าไปสัมผัสอีกฝ่ายได้...



...จะแก่งั่กหรือยังหนอเราตอนนั้น...


5 comments:

  1. i enjoyed reading ur blogs....u cn bring the topics to an interesting talkabout also with the shadow of a bit of academic lol :)

    ReplyDelete
  2. จำได้ว่าสมัยก่อนยังไม่มีมือถือเลย มีแต่เพจเจอร์ ฮ่าๆ
    ผ่านไปแป๊บๆก็คุยกันแบบเห็นหน้าได้ละเนอะ
    แต่เราก็ยังเป็นพวกประเภทชอบเขียนจดหมาย โปสการ์ด อัดรูปเป็นใบๆ ส่งทางไปรษณีย์อยู่นะ
    เรารู้สึกว่ามันเก็บเอาไว้ได้ ถ้าในคอมโดนไวรัสทีก็หายหมด รูปเอยอะไรเอย

    ปล. หัวข้อแบบนี้ข้อสอบ ielts ชัดๆเลย ฮ่า

    ReplyDelete
  3. ลืมไป จะมาบอกวิธีทำ bruschetta ในบล๊อกเรา
    ง่ายสุดๆเลยเพลิน เอาขนมปังบาแก็ต หรือโฮลวีทโรลธรรมดาแบบเราก็ได้
    หั่นเป็นชิ้น ทาเนย เอามะเขือเทศฝานวางลงไป แล้วก็หั่นชีสวางโปะหน้า (เยอะๆ ฮ่าๆ)
    เข้าเตาอบ ออกมากินร้อนๆ ง่ายและอร่อยอย่าบอกใคร >.<

    ReplyDelete
  4. ตามมาอ่านแล้วค้า

    สนุก เหมือนเค ย

    หงส์ ชอบนะ การได้พูดคุยกันผ่าน โลกไซเบอร์

    มันทำให้ เรา ได้ ใกล้ขึ้นมาอีกนิด

    เหมือนที่พี่เพลินว่า อีกคนได้เห็นเรา เราก้อได้เห็นว่าอีกคนกำลังทำอารายอยู่

    มันเหมือนว่าเค้าไม่ได้ ไปไหน เค้าใส่ใจที่จะได้มา ออนให้ตรงไง

    ดีจังๆๆๆ โลกปัจจุบัน น ^^

    ReplyDelete
  5. นั่นดิ ถ้าไม่มีเทคโนโลยีพวกนี้แล้ว นึกไม่ออกเลยว่าเราจะเป็นยังไงกันบ้างตอนนี้

    ReplyDelete