Sunday, March 14, 2010

Review: My best Sunscreen ครีมกันแดดที่ชอบที่สุด

หลังจากลองครีมกันแดดมามากมายหลายยี่ห้อนับไม่ถ้วน ใช้ใบหน้าตัวเองเป็นหนูทดลองเพื่อเฟ้นหาครีมกันแดดชั้นดี กันแดดได้เยี่ยม ไม่ทำให้ผิวดำ ผิวเหี่ยว ปกป้องผิวได้ดี ไม่แห้งตึง ไม่ระคายเคือง ไม่แสบตา ไม่เหนียวหนืด ไม่ทำให้หน้ามันเยิ้ม แต่งหน้าแล้วสีไม่ตีกัน เลยได้คำตอบเป็นกันแดดสำหรับผิวหน้า 5 ตัวเด็ดๆ
ดังนี้

แต่ถ้าใครยังงงๆ แวะไปอ่านบล็อกก่อนหน้านี้ ที่พูดถึงการเลือกครีมกันแดดนะจ๊ะ

ก่อนอื่นขอทำความเข้าใจก่อนว่า...หลักการเลือกกันแดดของเพลิน มีปัจจัยดังนี้
- เป็นกันแดดแบบ Physical sunscreen หรือแบบกายภาพ ใช้ Zinc Oxide หรือ Titanium Dioxide เป็นสารกันแดด มั่นใจว่ากันได้ครบทั้งรังสี ยูวีเอ และ ยูวีบี
- เนื้อน้ำนม ไม่มีแอลกอฮอล์ หรือมีได้เล็กน้อยเท่านั้น ถ้าดมแล้วจะไม่ได้กลิ่น เนื้อเบา เกลี่ยง่าย ไม่ขาววอก
- ไม่เอาเนื้อครีม
- ปรับผิวหน้าให้เท่ากันได้ระดับนึง ไม่ออกสี แต่งหน้าต่อได้สีไม่เพี้ยน
- มีค่า PA +++ หรือ ++

ตอนนี้มาดูกันแดดน่าใช้ที่เราชอบกันเถอะ เรียงตามลำดับความเพอร์เฟคของมัน ความถี่ในการใช้ และความมั่นใจเวลาใช้ ว่ายังไงผิวก็ไม่เสียชัวร์

1. Kanebo รุ่น Impress Ic # Brightening Sun Protector SPF 50 PA+++






Size: 60 ml.
Type: Physical sunscreen
Price: 1,400 baht
Texture: milky and light


เนื้อน้ำนมสีขาว เนื้อเหลวบาง ไม่มีแอลกอฮอล์ อาจจะมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของกุหลาบบัลแกเรียซึ่งเป็นจุดขายของไลน์ Impress IC ใช้แล้วมีความสุขกว่าไม่มีกลิ่น ที่สำคัญเกลี่ยง่ายมาก ไม่ขาวเว่อ นอกจากจะกันแดดได้ดี ทั้งยูวีเอยูวีบี เพราะมี Zinc Oxide ทาแล้วหน้าไม่แห้งตึงแบบครีมกันแดดทั่วไป ที่สำคัญ ทาแล้วช่วยปรับผิวหน้าให้ดูสว่าง เรียบเสมอกันขึ้นมานิดๆ ด้วย เป็นผลพลอยได้

กันแดดตัวนี้สีขาวก็จริง ทาแล้วหน้าผ่องขึ้นหน่อย แต่ไม่ได้ออกสีขาวจัด ทำให้แต่งหน้าต่อได้ง่าย หรือถ้าไม่แต่ง จะทาแต่แป้งฝุ่นบางๆ ก็ธรรมชาติดี ไม่ทำให้สีแป้งหรือสีรองพื้นเปลี่ยน

ปกติหลังๆ เราเลิกแต่งหน้าแบบเต็มที่มานานแล้ว ทาแต่ครีมกันแดดและแป้งฝุ่นเฉยๆ เพราะขี้เกียจล้างเยอะ ดังนั้น ใช้กันแดดตัวนี้ ตามด้วยแป้งฝุ่นธรรมดาก็ออกบ้านได้แล้ว ง่ายมาก

จุดเด่นที่สำคัญอีกอย่างคือ พอลงกันแดดปุ๊บ ไม่ต้องรอให้ซึมนานถึงจะลงแป้งต่อ แป๊บเดียวเท่านั้นก็ลงต่อได้ เพราะซึมเร็วมาก ได้ใจไปเต็มๆ

ถึงราคาจะแพงหูฉี่ ตกประมาณ 1400 บาท แต่ขอบอกว่าใช้ได้นานมาก สังเกตว่าครีมกันแดดของญี่ปุ่นใช้ได้นานทุกตัวเลย อย่างตัวนี้เราใช้มาปีกว่ายังไม่หมดเลยนะ

ชอบมากตัวนี้ เห็นว่าผสมวิตามินซี แล้วก็สารบำรุงอะไรต่อมิอะไรอีกก็ไม่รู้ แต่ประสิทธิภาพการกันแดดเยี่ยม ไม่มีหมอง ไม่มีมัน ลุยมาแล้วแดดทุกที่
แนะนำที่สุด


2. Sunplay รุ่น Skin Aqua – UV moisture Milk SPF 50 PA+++





Size: 42 g.
Type: Physical Sunscreen
Price: 230-250 Baht
Texture: Milky and light


เนื้อน้ำนมสีขาว ค่อนข้างข้นและหนืดกว่า Kanebo Impress ข้างบนเล็กน้อย ที่สำคัญเวลาใช้ต้องเขย่าขวดเล็กน้อย ไม่งั้นเนื้อครีมจะแยกชั้นเป็นน้ำกับตัวครีม โดยรวมเกลี่ยง่าย ไม่เป็นคราบขาว ไม่ออกสว่างหรือปรับผิวผ่องเหมือนตัวแรก แต่ช่วยปรับให้ดูสีผิวเสมอกัน


กันแดดได้ครบ อ่อนโยน ไม่ระคายเคือง ไม่แสบตา ผสม Hyaluronic Acid ที่ช่วยให้ผิวนุ่ม ชุ่มชื้น กับ Collagen และวิตามิน B5, c and E ทำให้ผิวชุ่มชื้น ไม่แห้งตึง ไม่ออกสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีแอลกอฮอล์ คนผิวแพ้ง่ายก็น่าจะใช้ได้
ตัวนี้แต่งหน้าต่อได้ง่าย เพราะไม่ขาว ไม่ทำให้สีแป้งเปลี่ยน แถมไม่มันด้วย แต่ว่าความแห้งซึมเร็วแม้จะสุดยอดแล้วแต่ก็ยังเป็นรองคาเนโบ impress ข้างบนเล็กน้อย


พูดถึงซึมเร็ว นับว่าไม่พึ่งแอลกอฮอล์แล้วซึมเร็วขนาดนี้ ของเค้าดีจริง
ตัวนี้เหมาะกับผู้ชายด้วย เพราะว่าผู้ชายออกแดดจัดกว่าผู้หญิง แต่หากันแดดดีๆ ที่ไม่ทำให้หน้าขาวเป็นสาวแตกได้ยาก

โดยรวมก็คล้ายๆ กับอิมเพรสข้างบน แต่ว่าไม่ผ่องเท่า ดังนั้นถ้าทาแป้งต่อก็เลือกให้สว่างหรือมีเนื้อสีชัดหน่อยก็แล้วกัน

ระหว่างวันอาจทำให้หน้ามันกว่าอิมเพรสนิดหน่อย แต่เทียบกับยี่ห้ออื่นแล้วโอเคกว่ามากๆ จนแทบจะเรียกว่าไม่มีปัญหาอะไร


ที่สำคัญราคาถูกกว่าอิมเพรสหลายเท่า ! ใช้ได้บ่อยๆ เยอะๆ โดยไม่ต้องกลัวเปลือง แต่ว่าเราว่ามันมีแนวโน้มหมดเร็วกว่าอิมเพรสนะ
ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ใช้ขวดนี้ไปสองขวด อิมเพรสยังไม่หมดก็จริง แต่ราคาสองขวดก็ยังไม่เท่าอิมเพรสขวดเดียวเลย
ตัวนี้ก็แนะนำนะ เหมาะกับทุกคนเลย




3. DHC White Sunscreen SPF 35 PA +++





Size: 30 ml
Type: Physical Sunscreen
Price: 980 Baht
Texture: milky and light
เนื้อน้ำนมสีขาว ขาวกว่าสองตัวแรก แน่นกว่าอิมเพรส แต่ไม่หนืดเท่าซันเพลย์ กันแดดดีมาก เคยเอาไปลุยแดดแรงๆ มาแล้วหน้าไม่หมอง ไม่ดำด้วย

ตัวนี้จะทำให้หน้าสว่าง ขาวกว่าสองตัวบน แต่เทียบกับกันแดดยี่ห้ออื่นถือว่าขาวน้อยกว่ามาก ตัวนี้ไม่แต่งหน้า ทาแค่กันแดดกับแป้งฝุ่นก็โอเคเช่นกัน กันน้ำ กันเหงื่อ เราทาตัวนี้แล้วทาแป้งฝุ่น Laura Mercier ไปวิ่งฟิตเนส หน้ายังไม่มัน ไม่โทรม

ตัวนี้สารบำรุงของเค้าเยอะ มีทั้ง Alpha-Arbutin ช่วยให้ผิวขาว (หมายถึงเป็น whitening) วิตามินซีช่วยให้ผิวกระจ่างใส แล้วยังมี Olive virgin oil หรือน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น

นอกจากอิมเพรส ก็มีตัวนี้แหละที่ทาแล้วให้ความชุ่มชื้น ทาแล้วหน้าเฟรชตลอด ไม่แห้งตึง แต่เข้าตาก็แสบบ้าง
ถ้าต้องการหน้าสว่างแนะนำตัวนี้
เรื่องกันแดดก็ไม่ต้องพูดถึง กันครบ

4. ETTUSAIS : Acne Whitening UV (oil block) SPF 24 PA++



Size: 30 ml.
Type: Physical Sunscreen
Price: 1050 Baht
Texture: milky
เนื้อน้ำนม คล้าย Impress และ DHC white sunscreen เบา เกลี่ยง่าย ไม่มันเลยสักนิด กันแดดได้ครบ แม้ค่า spf และ PA จะน้อยไปหน่อย แต่ก็เหมาะกับวันเบาๆ สบายๆ ที่ไม่ต้องโดนแดดมาก เช่น ออกไปข้างนอกแป๊บๆ
เรามักใช้เจ้าตัวนี้วันที่รู้ว่าไม่ต้องเดินไกล หรือโดนแดดนานๆ และที่สำคัญเอาพกไว้เวลาเดินทางไปต่างประเทศ อากาศหนาวๆ แดดน้อยๆ หรือไม่มีแดดเลย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่ไป อย่างปีที่แล้วไปแคนาดาช่วง spring อากาศเย็นแต่แดดแรงแจ๋ แผดเผา ก็ต้องใช้ครีมกันแดดตัวอื่นที่ spf กับ pa สูง ไปเลย
ตัวนี้เราพกตอนไปเกาหลี ทั้ง Autumn และ winter เพราะไม่มีแดด และพกไปตอนเที่ยวอังกฤษหน้าหนาวปีที่ผ่านมา คือถึงไม่มีแดด แต่ใช่ว่าจะไม่มีรังสียูวี ทาเอสพีเอฟน้อยๆ นี่แหละไม่เป็นภาระผิว ไม่ได้โดนแดดจัดนี่นา
กันแดดตัวนี้ใช้ titanium dioxide เป็นตัวกันแดด จึงมั่นใจว่ากันได้ครบ ที่สำคัญทาแล้วไม่ขาววอกด้วย ไม่มีสี ไม่มีน้ำหอม แต่อาจมีแอลกอฮอล์นิดหน่อย ไม่เยอะจนเกินไปจนหน้าแห้งเหมือนบีโอเร
สาเหตุที่จัดอันดับให้ตัวนี้อยู่อันดับสี่ ทั้งๆ ที่มานออกจะสุดยอดไม่แพ้อิมเพรส ก็เพราะว่ามันยังไม่สามารถเอาไปเผชิญแดดอันแผดกล้าของเมืองไทยได้อย่างเต็มรูปแบบ ด้วยความที่เอสพีเอฟ กับพีเอมันยังไม่มากพอ
แต่ชอบนะ แต่งหน้าต่อได้เลย สีแป้งไม่เปลี่ยน

5. OBAGI # Healthy Skin protection SPF 35 broad spectrum



Size: 30 ml
Type: physical sunscreen
Price: 700-900 Baht
Texture: Half cream and fluid

เนื้อครีมกึ่งโฟม ต่างจากสามตัวบนที่เป็นโลชั่นเนื้อน้ำนม ตัวนี้ลักษณะครีมคล้ายสเป็คตร้าแบนด์ แต่ว่าเนื้อเบากว่า ไม่เหนียวข้นเท่านั้น แต่จัดว่าข้นกว่าสามตัวบนพอสมควร

ต้องออกแรงเกลี่ยเล็กน้อย ทาแล้วขาวเล็กน้อย อาจมันระหว่างวันได้ แต่ผิวหน้าชุ่มชื้น

ตัวนี้กันรังสียูวีได้ครบ มีลักษณะพิเศษว่าเป็นครีมกันแดดที่สถาบันโรคมะเร็งผิวหนังของอเมริกาแนะนำและรับรอง เห็นเคลมว่าแบรดพิทท์ กับเจนนิเฟอร์ อนิสตันก็ใช้ยี่ห้อนี้ (สมัยสองคนนั้นเป็นแฟนกัน นานมากแล้ว)

ก็เป็นคำโปรยทางการตลาดนั่นแหละ ไม่รู้จริงไหม

แต่นับว่ากันแดดได้ดี เรามักใช้วันที่ไม่ต้องออกไปไหนไกลๆ มาก หรือไม่ต้องการความสวยมาก หรือว่าไม่ต้องรีบ เพราะตัวนี้ซึมช้ากว่าสองตัวบน แถมอาจทำให้หน้ามันได้บ้างเป็นบางโอกาส

เมืองไทยมีขายที่บำรุงราษฎร์ ไม่เช่นนั้นก็ตามเว็บที่หิ้วของเข้ามาขาย


สรุป
สุดยอดดาวคงต้องยกให้ Kanebo # Impress ตามด้วย Sunplay # Skin Aqua และ DHC # White Sunscreen กับ OBAGI ตามลำดับ

Sunscreen: เรื่องของครีมกันแดด

มีคนถามเราบ่อยๆ ว่าเลือกใช้ครีมกันแดดยี่ห้อไหนดี แบบไหนดีกว่ากัน แล้วใช้ SPF เท่าไหร่ถึงจะพอ และด้วยความที่ชอบอธิบาย คนที่ถามก็จะได้รายชื่อกันแดดกลับไป แล้วก็ลืมในอีกอึดใจ จากนั้นก็กลับมาถามใหม่ ถ้าวันไหนมีเวลาเราก็จะพาไปซื้อเสียเลย

ไม่ได้จะมาอธิบายวิชาการ แต่อยากเล่าสู่กันฟังก่อนจะแนะนำครีมกันแดดที่ใช้อยู่ ทุกคนก็ควรจะเข้าใจพื้นฐานกันแดดให้ถูกต้องก่อน

เรื่องรังสียูวีก็คงไม่ต้องพูดมาก เข้าใจง่ายๆ ว่า

รังสียูวีเอ ทำให้ผิวดำ คล้ำ ทำลายชั้นหนังแท้ ทำให้ผิวเหี่ยว ย่น เสื่อมเร็ว
ดูจากค่า PA ในครีมกันแดด หากเขียน + มากแสดงว่ากันยูวีเอได้มาก เช่น ครีมกันแดด Artistry spf 15 PA+++ กันผิวดำได้มากกว่าครีมกันแดดEttusais spf 24 PA++ ทั้งนี้ดูจากค่าพีเอบวก ไม่ได้ดูจากค่าเอสพีเอฟ

รังสียูวีบี ทำให้ผิวลอก แดง แสบไหม้ และทำให้เป็นมะเร็งผิวหนังได้
ดูในครีมกันแดดได้จากค่า SPF ค่านี้ใช้บอกการป้องกันรังสีว่านานเท่าไหร่ผิวถึงจะแดง เช่น ไม่ทาครีมกันแดด ถูกแสงนาน 25 นาทีผิวจึงแดง หากทาครีมกันแดด SPF 15 ใช้เวลา 360 นาทีผิวจึงแดง แสดงว่าทาครีมค่าเอสพีเอฟ 5 ผิวจะทนแสงนานขึ้น 15 เท่า ไม่ใช่ มากขึ้น 15 เท่านะ ดังนั้นเราคิดง่ายๆ ว่าค่าเอสพีเอฟเอาไว้ดูเรื่องความทนต่อแสงดีกว่า ถ้าอยู่กลางแดดนานๆ ก็ควรเลือกค่ากันแดดที่เอสพีเอฟสูง
ส่วนในชีวิตประจำวัน ถ้ากลัวดำก็ให้ดูค่า PA

แต่เราก็ชอบดูทั้งสองอย่างประกอบกัน ทั้งนี้มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเราชอบเนื้อครีมกันแดดแบบไหนด้วย

ครีมกันแดดก็เข้าใจง่ายๆ ว่ามี 2 ประเภท คือแบบ
1. Physical 2. Chemical

Physical หรือแบบกายภาพ เป็นกันแดดที่แนะนำให้ใช้ เพราะกันได้ทั้งรังสี UVA และ UVB
เวลาเลือกกันแดดประเภทนี้ ให้มองหาสาร Zinc Oxide และ Titanium Dioxide ตัวไหนก็ได้ แต่ส่วนใหญ่เราจะนิยม Zinc กันมากกว่า สารพวกนี้จะช่วยสะท้อนรังสีออกไป ไม่ให้เป็นภาระกับผิว

ข้อเสียคือ บางยี่ห้อหน้าจะขาววอก แต่เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีเค้าทำเป็นนาโน ก็จะไม่หน้าวอกเหมือนเดิม ก็ดีแล้วใช่ไหม มีให้เลือกหลายยี่ห้อเลย อีกอย่างคืออาจจะอุดตันได้ง่าย ต้องล้างให้สะอาด
ข้อดี กันแดดได้ดี ไม่ค่อยแพ้ด้วย

Chemical เป็นครีมกันแดดประเภทที่มีสารดูดซับและกลืนรังสียูวี ไม่ได้สะท้อนออกเหมือนกันแดดแบบ physical สารในกันแดดประเภทนี้ เช่น Octyl Methoxinamate, Triethanolamine salicylate เป็นต้น
ข้อดี ไม่อุดตัน ไม่หน้าขาววอก ผู้ชายทาได้ไม่ต้องอายว่าจะแลดูสาว
ข้อเสีย มีโอกาสแพ้ได้ง่ายเพราะมีสารประกอบเยอะ และเป็นการดูดซับ กรอง และสลายรังสียูวี ภาระผิวเยอะ

สรุปเพลินแนะนำกันแดดแบบกายภาพ หรือ Physical ดีกว่านะคะ หาง่ายๆ ดู Zinc Oxide & Titanium Dioxide
แล้วก็เลือก SPF ตามความเหมาะสม แต่ให้เน้นค่า PA+++